Krukaroon

!!!การุณย์ สุวรรณรักษา สังคมศึกษาฯ วรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา!!

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ขอใช้พื้นที่ฟรีบนเว็บ

         บริการพื้นที่ฟรีบนเว็บมีหลายเจ้า ให้พื้นที่มากน้อยแตกต่างกันออกไป เช่น
Dropbox, Googledrive,SkyDrive,magacloudฯ  ลองขอใช้บริการเหล่านี้ดูนะครับ เราจะได้พื้นที่บนเว็บไว้เก็บไฟล์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หรือไฟล์อื่น ๆ สำหรับ magacloud ตัวนี้ให้พื้นที่เราถึง 16 GB
ในขณะที่ SkyDrive ให้  7  GB   Dropbox  2  GB  และ GoogleDrive  ให้บริการ 5  GB
ให้ลองตัวนี้ก่อนนะครับ Magacloud คลิกเลย



     ข้อมูลจาก http://www.it-computertips.com/

เปรียบเทียบคุณสมบัติ Microsoft SkyDrive, Google Drive และ Dropbox
เขียนโดย @k    วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2012 เวลา 13:51 น.   
1
อีเมล
เมื่อวันก่อนผมเขียนบทความ ให้อัพเกรด Skydrive ไป วันนี้เลยขอเอาบทความเปรียบเทียบคุณสมบัติของ 3 ผู้ให้บริการหลัก ๆ ของการเก็บเอกสารบนอินเตอร์เน็ตในรูปแบบ Cloud Storage เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเลือกใช้บริการเก็บเอกสารกัน
โดย 3 ผู้ให้บริการได้แก่ Microsoft SkyDrive, Google Drive และ Dropbox ซึ่งเราจะเปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก ๆ ดังนี้
ขนาดพื้นที่ (Storage) ที่ให้สำหรับ Free Users
  • SkyDrive = 7 GB สำหรับผู้สมัครใหม่ (สำหรับผู้ที่ใช้งานอยู่แล้วสามารถอัพเกรดเป็น 25 GB)
  • Google Drive = 5 GB
  • Dropbox = 2 GB (สามารถเพิ่มได้ 500 MB ต่อการชวน(invite) คนอื่นมาใช้งาน สูงสุด 16 GB)
จะเห็นว่า Microsoft SkyDrive จะให้เนื้อที่มากที่สุด
เปรียบเทียบราคา
  • SkyDrive
    20 GB = $10.00/ปี
    50 GB = $25.00/ปี
    100 GB = $50.00/ปี
  • Google Drive
    25 GB = $2.49/เดือน
    100 GB = $4.99/เดือน
  • Dropbox
    50 GB = $9.99/เดือน หรือ $99.00/ปี
    100 GB = $19.99/เดือน หรือ $199.00/ปี
เรื่องราคานี้ถ้าเปรียบเทียบเป็นปีแล้ว Microsoft SkyDrive มีราคาที่ถูกกว่า
Platform ที่รองรับ
  • SkyDrive – Windows, Mac, iPhone, iPad, Windows Phone – no Linux or Windows XP support.
  • Google Drive – Windows, Mac, Android phones and tablets –  iPad/iPhone are comming soon
  • Dropbox – Windows (including Windows XP), Mac, Linux, iOS, BlackBerry, Android
จะห็นว่า Dropbox รองรับมากที่สุด แทบจะทุก Platform เลยทีเดียว

ขนาดไฟล์สูงสุดที่สามารถอัพโหลดได้
  • SkyDrive ได้สูงสุด 2 GB
  • Google Drive ได้สูงสุด 2 GB
  • Dropbox อัพโหลดได้ทุกขนาดเมื่อทำการอัพโหลดผ่านทาง Desktop Client (drag and drop)
หมายเหตุ: ในการอัพโหลดผ่านทาง Web browser นั้น SkyDrive และ Dropbox สามารถอัพโหลดได้สูงสุด 300 MB ในขณะที่ Google Drive ได้ 1 GB
การกู้คืนเมื่อลบไฟล์ (Recovery) และเวอร์ชั่นของไฟล์ (Versionning)
  • SkyDrive ประวัติถูกเก็บ แต่ไม่ระบุว่ากี่วัน หรือกี่เวอร์ชั่น และเมื่อลบไฟล์ Online ไม่สามารถกู้คืนได้
  • Google Drive ประวัติถูกเก็บ แต่ไม่ระบุว่ากี่วัน หรือกี่เวอร์ชั่น แต่สามารถกู้คืนได้ไฟล์ได้จาก Trash
  • Dropbox เก็บประวัติให้ 30 วันเมื่อมีการลบหรือแก้ไข กู้ข้อมูลได้แบบง่าย ๆ จาก Trash
นี่เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของคนที่เก็บเอกสารสำคัญ เป็นเหตุผลว่าทำไม Dropbox ถึงราคาแพงกว่าผู้ให้บริการอื่น ๆ รวมถึงประเด็นของความยืดหยุ่นอื่น ๆ อีก
จากข้อมูลเบื้องต้นนี้หวังว่าทำให้เราเลือกใช้ได้เหมาะสมตามที่เราต้อง การไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนตัวผมเองใช้บริการการเก็บเอกสารทาง Cloud Storage และมีประโยชน์ในการทำงานมาก เพราะแทบจะไม่ต้องถือเอกสารไปไหนมาไหน หรือไม่ต้องมาเสียเวลาค้นหาเอกสารอีกแล้ว ไปไหนมาไหนแค่ iPhone หรือ Laptop ก็สามารถทำงานได้แล้วครับ
Reference: ESX Virtualization

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

การใช้ google drive ,Dropbox,Skydrive ในการจัดเก็บข้อมูล

วันนี้นั่งประชุมครู เลยคิดถึงครู อยากแนะนำให้คุณครู ได้รู้จักกับแหล่งหรือ Drive ที่คุณครูสามารถนำข้อมูล ไปใส่เอาไว้ได้ทั้งภาพ ข้อความ VDO ตลอดถึงภาพถ่าย ที่สำคัญก็คือ ข้อมูลเหล่านั้นจะอยู่บนอินเตอร์ ไม่ได้อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์นะครับ. ดังนั้นคุณครูสามารถนำข้อมูลไปใช้กับเครื่อง tablet. หรือ Ipad  ได้เลยครับ
      วิธีการก็คือให้ติดตั้ง google drive หรือDropbox  หรือ Skydrive  ลงในเครื่อง notebook  หรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ PC    ครูสามารถสืบค้น google drive หรือ Dropbox หรือ Skydrive จาก google ครับ ลองทำกันดูนะครับ
              

การโอนข้อมูลจาก notebook ไปยัง tablet หรือ ipad ด้วย wifi

    ในตอนที่แล้วได้แนะนำอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อ tablet หรือ ipad เข้ากับเครื่องโปรเจคเตอร์ เอาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปคือการสร้างสื่อการสอนเพื่อนำไปใช้สอนนักเรียนในชั้นเรียน  การสร้างสื่อการสอนโดยใช้ tablet หรือเครื่อง ipad สร้าง แม้จะสามารถทำได้ เพราะมี app ที่สนับสนุนให้เราได้ใช้ฟรีอยู่บ้างก็ตาม แต่ปัญหาอยู่พิมพ์ไม่สะดวกเอาเสียเลย. ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด
คือ เราสร้างสื่อการสอนด้วย powerpoint ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ notebook ก่อนครับ
     ขั้นต่อไปเราต้องติดตั้ง app transfer มีหลายตัว เช่น Itransfer หรือ air transfer  หรือ transfer ตัวอื่นก็ได้
มีทั้งฟรีและเสียเงิน พวกเราเอาตัวที่ติดตั้งฟรีก็แล้วกัน
     ขั้นตอนการทำงาน
        - เมื่อเราติดตั้ง air transfer. เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เปิดขึ้นมาครับ หน้าตาก็คล้าย ๆกันครับ ตัวนี้คือ air transfer

-เมื่อเราคลิกที่ปุ่มwifi. จะปรากฎ ชุดตัวเลขขึ้นมาบนหน้าจอ tablet หรือ หน้าจอ ipad
  ในที่นี่คือเลข 192.168.1.3:8080

-เปิดเครื่อง notebook ขึ้นมา อย่าลืมเปิดปุ่ม wifi ที่เครื่อง notebook. ด้วยนะครับ
-เข้า browser ตัวไหนก็ได้ จะเป็นf Firefox หรือ Internet explorer หรือตัวอื่นก็ได้
-ตรงช่อง address (ช่องที่อยู่ของเว็บหรืช่องurl) ให้พิมพ์ชุดตัวเลขที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ tablet หรือ ipad
-พิมพ์เสร็จให้กดปุ่ม enter 

-เปิด my computer
-เลือกไฟล์ที่ต้องการจะโอนไปที่ Tablet หรือ Ipad
-คลิกตรงไฟล์ที่ต้องการ กด mouse ค้างไว้ลากมาปล่อยด้านล่างของ
 Drop text Here   กรณีเป็นไฟล์ข้อความ
 Drop Web Addresst Here  กรณีเป็นที่อยู่เว็บไซต์
 Drop File Here  กรณีเป็นไฟล์ทั่ว ๆ ไป
-หลังจากนั้นให้ไปดูที่ Tablet หรือ Ipad
-ดูที่ Category เลือก All ครับ ก็จะมองเห็นไฟล์ที่เราโอนมาจาก Notebook มาปรากฎใน Tablet หรือใน Ipad แล้วครับ
สำหรับ app transfer ตัวอื่น ๆ ก็อาจจะแตกต่างไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เปิด Notebook ขึ้นมา
-คลิกปุ่ม  select file
-เลือกไฟล์  PowerPoint  ที่เราสร้างเอาไว้ใน notebook
-คลิก open
-คลิก upload
-จะปรากฎแถบสีวิ่งรอจนสิ้นสุด
-ตอนนี้ไฟล์ไปอยู่ใน tablet. หรือ ipad. ของเราแล้วครับ
-ถามว่าไปอยู่ตรงไหนของ tablet. หรือ. Ipad
ตรงนี้อยากให้เราติดตั้ง app google drive หรือ Dropbox เอาไา้เป็นการล่วงหน้าขั้นแรกเลยครับ
เพราะไฟล์ที่เราโอนไปจาก. Notebook. จะไปอยู่ใน google drive. หรือใน Dropbox ครับ
-ในเครื่อง tablet ถ้าเราไม่ได้ติดตั้ง app google drive. หรือ Dropbox. มาก่อน ไฟล์ข้อมูลจะถูกเก็บเอาไว้ใน
  File maneger   ครับ
  แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไปนะครับ

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

Tablet อยู่ไหนให้นำไปใช้สอนกันได้แล้วจ้า...

           สอนอย่างไร อยากจะเล่าให้เพื่อนพ้องพี่น้องครูได้รับฟังนะครับ คือในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆออกกันมามากมาย เราสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ เอาเป็นเราว่าเคยสร้างสื่อการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม Powerpoint, E-book เริ่มจาก FlipPubliser,flip Album,Desktop Author,E-learning Moodle,Lecture Maker ฯ ต่อมาก็ใช้ Blogger ในการสร้างสื่อการสอน ทำเอาไว้หลายblog แต่ว่าถามว่าแต่ละBlog ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ก็ตอบว่ายังไม่สมบูรณ์ครับ แต่กะว่าจะพัฒนาให้สมบูรณ์ต่อไปเรื่อย ๆ อีกทั้งได้เข้าเป็นสมาชิกของ http://www.exam.in.th ในการสร้างข้อสอบออนไลน์ ไว้ให้นักเรียนเข้าทำแบบทดสอบผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งยังใช้อยู่ในขณะนี้ แต่ในที่สุด...ก็ทนการยั่วยุจาก เจ้าtablet หรือ ipad ไม่ไหวอดใจไว้ไม่ได้ ตัดสินใจซื้อ ipad มาใช้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป้าหมายสำคัญคือ จะต้องนำipad เข้าไปใช้ในห้องสอน และเชื่อมต่อโปรเจคเตอร์เหมือนการใช้ Notebook และแล้วก็สามารถใช้ได้ จนเกิดความสนุกต่อการใช้เจ้า ipad สำหรับการเรียนการสอนเสียแล้วครับ และอยากให้เพื่อนครูได้นำ Tablet ไปใช้ในการเรียนการสอนกันอย่างจริงจัง  อย่าเก็บไว้เฉย ๆ หยิบมาไว้ที่กลุ่มสาระครูท่านใด อยากนำไปใช้ในห้องสอน ก็หยิบฉวยเอาใช้ได้โดยสะดวก  จะเกิดความคุ้มค่าคุ้มทุน บุญกุศลจะบังเกิดแก่ศิษย์ของเราได้มากยิ่งขี้นครับ  





  สำหรับการนำโปรแกรมอะไรมาใช้ หรือใช้ app ตัวไหนบ้าง ที่แนะนำวันนี้เฉพาะ app ฟรีไม่ต้องจ่ายตังค์นะครับ
   1. app Olive  Office  ใช้กับสื่อการสอน Powerpoint,wordและExcell
       ใช้ได้ดีมากครับ ที่สำคัญฟรีด้วยนะ

2. app CloudOn ใช้ในการสร้างสื่อ Powerpoint,wordและ Excell
    ตัวนี้ก็ใช้ดีมากครับ

3. Bamboo Paper  ใช้ในการขีดเขียนสอนสด แทรกรูปภาพได้ ใช้ปากกาเขียน หรือใช้นิ้วมือขีดเขียน
    ได้ตามความต้องการ หน้าเพิ่มได้เรื่อย ๆ น่าใช้ดีมาก ที่สำคัญใช้ฟรีครับ

       ขอให้กำลังใจคุณครู โดยเฉพาะที่มี ipad หรือ Tablet อยู่แล้ว จะได้ใช้จัดการเรียนการสอนได้ด้วยจะตัวเล็ก ๆนี้   ยังมี app อื่น ๆ อีกมาก จะมาแนะนำในครั้งต่อไปครับผม สำหรับคุณครูที่ได้รับแจก  เจ้า
tablet ไปแล้วก็คงถึงเวลาในการติดตั้ง app ต่าง ๆ ซึ่งให้บริการฟรีและสนับสนุนเกี่ยวกับการจัดทำสื่อ
การสอนอยู่มากมายในอินเตอร์เน็ต   และคงถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะได้นำเจ้าTablet ไปใช้เพื่อการเรียนการสอนกันในห้องเรียนจริง ๆกันเสียที  ผลประโยชน์จะได้ตกกับนักเรียนอันจะส่งผลในการยกระดับ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในโอกาสต่อไป


   สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครื่อง Tablet galexy Tab 10.1
ที่คุณครูได้รับแจกจากโรงเรียน สามารถหยิบเข้าห้องสอนได้ ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์  2  ชิ้นนี้ครับ
Samsung Galexy Tab 10.1


                                                       อุปกรณ์  HDTV 30 pin

   อุปกรณ์ชิ้นนี้ด้านหนึ่งเสียบเข้ากับตัวเครื่อง Tablet  อีกด้านหนึ่งเสียบเข้ากับอุปกรณ์ชิ้นที่่ 2 ด้านล่างนี้ HDMI TO VGA

                                                        HDMI  TO  VGA
                                      อุปกรณ์ตัวนี้เชื่อมต่อกับตัวแรก และเสียบเข้ากับสายโปรเจคเตอร์
ก็สามารถนำภาพสู่จอโปรเจคเตอร์ได้แล้วครับ 



                     คุณครูท่านใดสนใจ ขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้จากครูรุณย์นะครับ
"ใช้ TABLET ให้คุ้มค่า มากกว่าใช้ถ่ายภาพ เล่นเกม หรือเล่น Facebookฯ ได้แล้วครับ อ้าว...คุณครู TABLET อยู่ไหนนำไปใช้ในห้องสอนกันได้แล้วขอรับทั่น"


 

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อุกกาบาตถล่มรัสเซีย 15 กพ. 2556

คลิปชัดๆนาทีระทึก อุกกาบาต พุ่งถล่มรัสเซีย 
อุกกาบาต รัสเซีย บ้านพัง ประชาชนเจ็บ ระเบิด / 15-02-13 15:17 

     คลิปนาทีระทึกอุกกาบาตพุ่งถล่มรัสเซียบริเวณตอนกลางของประเทศ เขต เชลยาบินสก์ ทำให้มีบ้านเรือนเสียหาย ประชาชนเจ็บอื้อ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่า มีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา วันนี้ ( 15 ก.พ. ) ประเทศรัสเซียว่า เกิดเหตุอุกกาบาตตก ตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นในแถบพื้นที่ตอนกลางของรัสเซีย โดยผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าเสียงระเบิดดังสนั่นราวกับแผ่นดินไหวและฟ้าผ่า ขึ้นในเวลาเดียวกัน สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากอุกกาบาตได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สร้างความเสียหายให้แก่อาคารบ้านเรือน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก นางอีรินา รอสซิอุส โฆษกหญิงกระทรวงสภาวการณ์ฉุกเฉินรัสเซีย แถลงว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) โดยส่วนหนึ่งของอุกกาบาตน่าจะลุกไหม้ระหว่างลอยผ่านชั้นบรรยากาศโลก ขณะที่ส่วนที่เหลือได้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟและกลุ่มควัน เหนือท้องฟ้าในเขตเชลยาบินสก์ บริเวณเทือกเขาอูราล ก่อนร่วงลงตามเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน เบื้องต้นมีประชาชนราว 100 คน ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเศษกระจกบาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสะเก็ดอุกกาบาต นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก เนื่องจากได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานเปิดเผยเกี่ยวกับขนาดที่แน่ชัดของอุกกาบาต


ชมคลิปอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับอุกกาบาตถล่มรัสเซีย คลิกที่นี่ครับ

ขอบคุณข้อมูล เดลินิวส์    Photo from Twitter.com user @varlamov

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ข้อสอบอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน วิชา ส 31224

เตือนสติ ! วัยรุ่น 8 สาเหตุ สอบตก เรียนไม่จบ

เมื่อถึงเวลาที่นักศึกษาใหม่ได้เข้าเรียนใน มหาวิทยาลัย รู้ไหมคะว่าสังคมที่เราอยู่นั้นมันกว้างขึ้น เจอผู้คน – เพื่อนใหม่มากขึ้น และหลายต่อหลายปีที่มีนักศึกษา สอบตก เรียนไม่จบอีก! แล้วมานั่งเครียดภาย หลัง แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ งั้นเพื่อนๆ พี่ น้องที่กำลังจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ต้องรีบอ่าน เตือนสติ! กันด่วนเลยนะคะ ^^

1. อ่านหนังสือใกล้สอบ
จำได้ว่าเทอมแรกในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่รู้สึกสบาย และยังดีใจไม่ทันหมดที่สอบได้เรียนมหาลัย แต่พอเห็นเกรดแทบจะเป็นลมเพราะได้แค่ 1.96 ซึ่งเกิดมาไม่เคยได้เกรดต่ำขนาดนี้ ตอนที่เรียนม.ต้น ได้อย่างต่ำ 3.54 เรียกม.ปลายได้อย่างต่ำ 2.8 แต่พอเข้ามหาลัย(คณะวิศวฯ) กลับได้แค่ 1.96 และถ้าเป็นอย่างนี้ซักสองสามเทอมคงบ๊ายบายจากมหาลัยแน่
พอเห็นเกรดต่ำดังนั้นแล้ว ก็เลยคิดว่าเกิดจากอะไรบ้าง และปัจจัยหลัก ๆ คงเกิดจากสองสาเหตุ คือ หนึ่ง มักจะโดดเรียนหรือเข้าเรียนสายเป็นประจำ อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ อ่านหนังสือไม่ค่อยทัน เพราะใช้เวลาแค่ซักสัปดาห์เดียวเหมือนตอนอยู่มัธยม
แต่ที่มหาลัยนี่ ต้องยอมรับว่าเนื้อหาเยอะจริง ๆ อ่านสัปดาห์สองสัปดาห์ไม่ค่อยทัน ถ้าอ่านลวก ๆ หน่ะทัน แต่ถ้าอ่านเพื่อไปตอบแบบเขียนบรรยายเป็นหน้า ๆ หรือต้องทำโจทย์คณิตศาสตร์แบบแสดงวิธีทำ แทบทำไม่ได้เลย เพราะไม่มีเวลาทำโจทย์มาก่อน ดังนั้น ตั้งแต่เทอมสองเป็นต้นมาจึงพยายามอ่านก่อนสอบซักสามสัปดาห์ เท่านี้ ก็อ่านทันแล้ว และถ้าให้แจ๋วก็อ่านมาตลอดทั้งเทอมยิ่งสบายใหญ่
2. โดดเรียนบ่อย
เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้ได้เกรดไม่ค่อยดี อย่างพี่เองใช้วิธีเรียนผิด ๆ ในเทอมแรก เห็นอาจารย์ไหนไม่เช็คชื่อก็มักจะโดดเรียนบ่อยแล้วค่อยไปให้เพื่อนติวกัน ใกล้สอบ แล้วก็รู้เรื่องเร็วจริงแต่มักจะไม่ค่อยตรงกันที่อาจารย์สอนเท่าไหร่ เทอมต่อมาจึงพยายามไม่โดดเรียน และต่อมาก็ค้นพบว่ายิ่งช่วงใกล้สอบเท่าไหร่ อาจารย์ก็มักจะเผยให้เห็นแนวข้อสอบเสมอ และถ้าเด็กบางคนถามเก่ง ๆ อาจารย์ก็มักจะเผยให้เห็นแนวข้อสอบชัด ๆ เลย ลองดู

3. นอนดึก
เรื่องนอนดึกมักเป็นของคู่กันกับโปรแกรมเมอร์หรือเด็กชอบเที่ยว แต่ผลเสียสุดท้ายเหมือนกันคือ เช้าวันต่อมามักจะไปเรียนสายหรือโดดเรียน และการนอนดึกเพราะอ่านหนังสือนั้น หากมองเผิน ๆ จะเห็นเหมือนว่าเป็นเด็กตั้งใจเรียน แต่พี่มองว่าเกิดจากการไม่อ่านหนังสือแต่เนิ่น ๆ แล้วอ่านไม่ทันมากกว่า และหลายครั้งลองสังเกตดูดีดีว่าคนที่อ่านหนังสือแล้วนอนดึกมักจะเริ่มต้น อ่านหนังสือสาย อย่างบางคนจับกลุ่มอ่านหนังสือก็นัดกันซักสองทุ่ม เจอกันก็เมาท์กันเกือบชั่วโมง เริ่มจริงซักสามทุ่ม พ ห้าทุ่มเศษก็เลิกอ่านแล้วไปกินหมี่ไก่หรือกินกาแฟกันต่อ สรุปแล้ว ใช้เวลาอ่านแค่สองชั่วโมงกว่า
4 เมาแล้วขับ
จำได้ว่าสมัยที่เรียนมหา’ลัย อยู่นั้น แทบทุกเทอมจะมีข่าวคราวของนักศึกษาร่วมมหา’ลัย ที่เมาเหล้าแล้วขับรถไปชนจนทำให้เสียชีวิต อย่างคนที่เมาแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนเสาไฟฟ้าก็หลายราย เมาแล้วขับรถเร็วขึ้นเนินแล้วตีลังกาหัวฟาดพื้นตายก็มี คนที่ฉลองสอบเสร็จแล้วดื่มเหล้าเมาไปชนรถคนอื่นจัง ๆ จนตายก็มี ผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ก็คงนึกว่าเรื่องอย่างนี้ไม่น่าจะเกิด แต่ก็เกิดมาแล้วนักต่อนัก

5 บ้าเกมหนัก
เรื่องเกมเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้นักศึกษาเสียการเรียนมานักต่อนักแล้ว อย่างบ้านเรายังไม่เห็นจะจะซักเท่าไหร่ แต่ที่ต่างประเทศ คนบ้าหนักขนาดปิดห้องนอนเล่นกันข้ามวันข้ามคืน หรืออย่างที่ญาติห่าง ๆ ผมเคยเจอแค่เป็นเด็กมัธยม แต่บ้าเกมขนาดหนีเรียนไป 3 วันเพื่อไปเล่นเกมอย่างเดียวก็เคยทำมาแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมออนไลน์มีอานุภาพสูงในการทำให้หลงใหลใช้เวลาเป็นหลายชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกที อ่านหนังสือไม่ทัน รู้ตัวอีกที โดนรีไทร์แล้ว
6 หลงมากกว่ารัก
ชีวิตนักศึกษาเป็นช่วงที่ก้ำกึ่งความเป็นวัยรุ่นกับผู้ใหญ่ ดังนั้น หลายคนจึงมีอิสระและคิดว่าตัวเองมีวิจารณญาณในการมีแฟนแล้ว แต่ในความเป็นจริง ผมพบว่า ส่วนใหญ่มักจะเป็นการหลงมากกว่าความรักที่แท้จริง และความหลงนี่เอง ถ้าแปรเป็นความรักได้ก็จะเป็นพลังในการเล่าเรียน อย่างเพื่อนของผม ไม่รีไทร์ก็เพราะใช้พลังแห่งความรักนี่แหละ ฝ่าฟันจนรอดพ้นมาได้ โดยการอ่านหนังสือกับแฟนตลอดทั้งเทอม แต่ส่วนใหญ่ที่หลงรักแล้วเสียคนก็มีให้เห็นเยอะ อย่างหลงจนท้องต้องดร็อปแล้วเลิกเรียนก็มีให้เห็นอยู่ถมไป หรือคนที่ผิดหวังจากความรักก็แทบไม่มีใจจะเรียนอะไร เฮ้อ ต้องระวังให้เยอะ

7 ฟุ่มเฟือย เงินไม่พอ
จากประสบการณ์และการพูดคุยหรืออ่านจากที่ต่าง ๆ สรุปว่า ชีวิตนักศึกษามักจะฟุ่มเฟือยแยกกันสองอย่างใหญ่ โดยผู้ชายมักจะฟุ่มเฟือยเรื่องของเทคโนโลยี แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่เท่าไหร่ก็คือ ผู้ชายชอบเล่นพนันบอล ซึ่งมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ หรือเกิดฟลุ๊คได้เงิน แป๊บเดียวก็คืนกลับไปให้เจ้ามือ ส่วนผู้หญิงเองก็มักจะฟุ่มเฟือยเกี่ยวกับความงาม เสื้อผ้า หรือมือถือใหม่ ๆ และที่จะไม่พอหนักก็คือไปเที่ยวกลางคืน ซึ่งทั้งผู้ชายผู้หญิงเองพอเงินไม่พอก็จะเป็นสาเหตุให้ต้องหาเงินโดยผิดวิธี หรือกู้หนี้ แล้วต้องหนีหนี้หัวปักหัวปำ หรือถ้าผู้หญิงก็ร้ายหน่อยต้องหาเงินโดยขายตัวก็มีให้เห็นอยู่ถมไป จนเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เรียนไม่จบ
8 คบเพื่อนเลว
       ทั้งนั้น ทั้งนี้ สาเหตุทั้ง 7 ข้อ ก็มักจะมีสาเหตุมาจากเพื่อนเลว ๆ ทั้งหลายแหล่ เช่น เป็นต้นเหตุของการพากันไปเมาเหล้า พนันบอล เที่ยวหัวราน้ำ ขายตัวหาเงินซื้อของฟุ่มเฟือย เพราะฉะนั้น ห่าง ๆ เพื่อนเลว ๆ แล้วก็จะทำให้เรียนจบได้ปริญญาสมใจครับ
ดังนัน เราต้องมีสติและฝึกให้เป็นนิสัยนะคะ เช่นถ้าเราต้องการจะจะเล่นเกมส์ แต่เรามีการบ้านหรือสอบ ก็ควรจะทำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปเล่น เพราะ teen.mthai เชื่อว่า เพื่อนๆหลายคนที่ไม่ทำการบ้าน อ่านหนังสือสอบ จะมานั่งคิดย้อนหลังเราไม่น่าทำอย่างนู้นอย่างนี่ก่อนเลย น่าจะอ่านหนังสือ จริงไหมละ!!?

ข้อมูลจาก http://overload297.exteen.com/20120527/entry 

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

10 ภัยอันตรายจาก Social Network ที่ควรระวัง

ภาพจาก    http://www.krumontree.com/site/index.php/FAQs/173-social-network-dangerous
1. หลอกว่ามาดีแต่จริงๆประสงค์ร้าย (Social Engineering Attack on Social Network)
              การโจมตีแบบนี้ เป็นหนึ่งในวิธีการที่นิยมใช้เป็นอย่างมาก เน้นการโจมตีที่ตัวบุคคล โดยผู้ใช้งานมักจะคาดไม่ถึง และ ตกเป็น เหยื่อในที่สุด ส่วนมากจะมาในรูปแบบของ แอพพลิเคชั่นบน Facebook หรือการเล่นเกมเพื่อแลกของรางวัล เมื่อผู้ใช้งานคลิกเข้าไปใช้ งานแอพพลิเคชั่นหรือร่วมเล่นเกมดังกล่าว ก็จะตกเป็นเหยื่อของพวกอาชญากรโดยไม่ทันตั้งตัว
2. ล่อเหยื่อตกปลาออนไลน์ (Phishing Attack)
              ในอดีต เป็นเทคนิคการล่อลวงที่มักจะส่ง URL Link ที่ล่อให้ไปเข้าเว็บไซด์ปลอม ที่ส่งมาทางอีเมล โดยอาชญากร จะหลอกให้ผู้ใช้งานคลิก URL Link ที่อยู่ในอีเมล แต่ปัจจุบันอาชญากรจะส่ง URL Link ที่ย่อให้สั้นลง (URL Shorten) เช่น คลิปวิดีโอหรือไฟล์ของรูปภาพ และนำไปสู่เว็บไซด์ปลอม เพื่อดักขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ผ่านทางสังคมออนไลน์มากยิ่งขึ้น     
3. โค้ดร้ายฝังลึก (Cross Site Scripting Attack)        
              เป็นเทคนิคการโจมตีผู้ใช้ งาน Facebook โดยอาชญากรจะทำการฝังโค้ด หรือสคริปต์การทำงานของตนเองเข้าไปบนหน้าเว็บไซด์ที่มีช่องโหว่ ซึ่งข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ Facebook เช่น Username และ Password จะถูกส่งกลับมาให้อาชญากร แทนที่จะผ่านเข้าไปในเว็บไซด์ที่ผู้ใช้ Facebook กำลังเยี่ยมชมอยู่
4. ถูกสวมรอยง่ายๆ แค่เล่น Facebook อย่างไม่ระวัง (Cross Site Request Forgery Attack)
              เป็นวิธีการที่อาชญากรใช้ในการโจมตีผู้ใช้ Facebook หรือ Internet Banking โดยการแอบขโมยสิทธิ หรือ Credential ที่ผู้ใช้ได้ล็อกอินเว็บไซด์ ค้างไว้ ซึ่งอาชญากรอาจนำ Credential ของเราไปใช้งานต่อ เช่น ทำการโอนเงินออก จากบัญชีของผู้ใช้งานระบบ Internet Banking โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว เป็นต้น
5.หลอกให้คลิกแต่แอบซ่อนมีดไว้รอเชือด (Clickjacking or UI Redressing Attack)
              เป็นเทคนิคการโจมตีผู้ใช้งาน โดยหลอกให้คลิกรูป ที่ดูล่อตาล่อใจบนเว็บไซด์ ซึ่งอาชญากรจะแอบซ่อน Invisible frame ไว้หลังรูป เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างที่เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่ามี Script มุ่งร้ายแอบซ่อนอยู่
6. โดนหลอกล่อให้ไปเจอ Link ที่อาชญากร รออยู่ (Drive-by Download Attack)
              ผู้ใช้งาน Facebook อาจถูกโจมตี ด้วยโปรแกรมประสงค์ร้าย ที่สามารถทำการติดตั้งลงบนเครื่อง ของผู้ใช้งาน Facebook เพียงแค่ผู้ใช้งานเข้าไปเยี่ยมเว็บไซด์ ที่อาชญากรโพสต์ เป็น Link ล่อเหยื่อไว้บน Facebook Page และผู้ใช้งาน เผลอดาวน์โหลดโดยไม่รู้ตัว
7. เทคนิคการโจรกรรมข้อมูลขั้นสูงแบบต่อเนื่อง
    APT (Advance Persistent Threat) and MitB (Man-In-The-Browser Attack)
              เป็นเทคนิคการโจมตีขั้นสูงที่มุ่งเน้นเป้าหมายผู้ใช้งาน Internet Banking ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในระดับองค์กร หรือ รัฐบาล โดยอาชญากรสามารถฝังโปรแกรมมุ่งร้าย เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของเป้าหมาย เพื่อแอบโจรกรรมข้อมูลลับ อย่างต่อ เนื่อง เป็นระยะเวลานาน ซึ่งยากต่อการตรวจสอบด้วยโปรแกรม Anti-virus ทั่วไป
              สำหรับ MitB (Man-In-The-Browser Attack) เป็นเทคนิคในการโจมตีที่หลัง Browser ของเหยื่อ มักจะใช้ในการ ทำ Indentity Theft ด้วยเทคนิค Web Field Injection
8. โดนดักข้อมูลลับระหว่างทาง (Indentity Theft)
              เป็นเทคนิคการโจมตีผู้ใช้งาน Facebook โดยอาชญากรจะทำการดักจับข้อมูลที่ส่งไปมาระหว่างผู้ใช้งาน Facebook กับ www.facebook.com แบบเงียบ เพื่อขโมย Username และ Password ของผู้ใช้ และอาจลุกลามไปถึง E-mail Account ด้วย ถ้าใช้ Username และ Password เดียวกัน กับ Facebook
9. บอกเพื่อนว่าเราอยู่ไหน (บอกโจรว่าเราไม่อยู่บ้าน) (Your GPS Location Exposed)
              การใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Facebook หรือ Twitter นั้น อาจทำให้ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบัน (GPS Location) ของผู้ใช้งาน Facebook หรือ Twitter สามารถถูกเปิดเผยสู่สาธารณะได้ โดยที่เราไม่รู้ตัว จากการใช้งานโปรแกรม ประเภท Foursquare, Google Latitude และ Facebook Place
10. ระวังข้อมูลส่วนตัวหลุดรั่วขณะเล่น Facebook เพลินๆ (Your Privacy Exposed)
              ข้อมูลส่วนต้วของผู้ใช้ Facebook อาจถูกเปิดเผยสู่สาธารณะได้ ถ้าผู้ใช้งาน Facebook ไม่ได้ปรับแก้การตั้งค่าแบบ Default ให้เป็นแบบที่ปลอดภัยมากขึ้น

วิธีการป้องกันและแก้ไขอย่างได้ผล :

สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ควรทำตัวเป็นผู้ช่างสังเกต พิจารณาถึงความเป็นไปได้ของ หน้าเว็บไซด์ แอพพลิเคชั่น คลิปวิดีโอ รูปภาพ เกม หรือลิงก์ต่างๆ ก่อนคลิกเข้าชม หรือทำการ Log In เข้าใช้งาน อาจเลี่ยงโดย การพิมพ์ URL Link แทนการคลิกโดยตรงจากหน้าเว็บไซด์ และไม่ควรตั้ง Password ที่ง่ายต่อการคาดเดาของอาชญากร เช่น 111, 555, 1234 หรือ พ.ศ.เกิด เป็นต้น ที่สำคัญไม่ควรใช้ Username และ Password เดียวกัน ในทุก Account เพื่อป้อง กันการเข้าถึงข้อมูลได้ในทุกๆ ด้าน รวมถึง Log Out ออกจากระบบทุกครั้งเมื่อสิ้นสุดการใช้งาน ที่สำคัญควรศึกษาหาความรู้เกี่ยว กับเรื่องของไวรัส การโจรกรรมข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต และควรติดตั้งโปรแกรมระบบป้องกันไวรัส และหมั่นอัพเดตโปรแกรมอยู่เสมอ
สำหรับผู้ใช้งานองค์กร ควร จัดอบรมให้ความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันภัยร้าย จากการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่าง ปลอดภัย แก่พนักงานภายในองค์กรเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ติดตั้งระบบป้องกันไวรัสและหมั่นอัพเดตโปรแกรม รวมถึงควรมีฝ่าย ไอที เพื่อตรวจสอบ วิเคราะห์ระบบ และรู้จักทดสอบช่องโหว่ของระบบภายในองค์กร ในมุมมองของอาชญากรด้วย
              เครือ ข่ายสังคมออนไลน์นั้น เป็นที่แพร่กระจายโปรแกรมมุ่งร้ายชั้นดี ของเหล่าอาชญากร และอาจสร้างความเสียหาย ให้กับผู้ใช้งาน หากไม่ตระหนัก และ ไม่ระมัดระวังที่จะป้องกันภัยคุกคามอย่างเพียงพอในการใช้งานเครือข่ายสังคม ออนไลน์ ดังนั้น การศึกษาเรื่องความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องรู้ ต้องเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานส่วนตัว หรือการใช้งานระดับองค์กร

ข้อมูลจาก  http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=222845.0

นักเรียนทุกคน ช่วยตอบแบบสอบถามนี้ด้วยค่ะ

ดูทีวีครูเรียนรู้วิทยายุทธ

Subscribe Now: Feed Icon