Krukaroon

!!!การุณย์ สุวรรณรักษา สังคมศึกษาฯ วรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา!!

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่ดี ที่ครูควรอ่าน อ่านกันให้หมดทุกคน

 


             ภาวะผู้นำกับผู้บริหารนั้น ต่างก็มีความสำคัญและสัมพันธ์กันในองค์กร เพราะผู้บริหารคือผู้ที่มีหน้าที่โดยชอบธรรม ที่จะสามารถสั่งการบังคับบัญชาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานหรือใช้ทรัพยากรที่ มีอยู่เพื่อตอบสนองนโยบายบริษัท เพราะฉะนั้นจากความหมายของคำว่า ผู้บริหารกับคำว่า ภาวะผู้นำ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจะทำให้เราทราบว่า ถ้าผู้บริหารไม่มีภาวะผู้นำคือมีแต่การสั่งการ บังคับบัญชาแต่เพียงอย่างเดียวก็อาจจะมีผลทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความไม่พอใจ เพราะผู้บริหารไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ ซึ่งภาวะความเป็นผู้นำนี้อาจจะประกอบไปด้วย คุณสมบัติที่สำคัญๆ ดังนี้คือ
  • ประการแรก ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล สามารถประเมินสถานการณ์ขององค์กรได้ว่าในอนาคตจุดยืนขององค์กรจะอยู่ที่ใด และจะทำอย่างไรถึงจะไปถึงตรงจุดนั้น
  • ประการที่สอง ต้องสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้มีโอกาสในการแสดงความสามารถ ผลงาน
  • ประการที่สาม ต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจ โน้มน้าวใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานให้กับองค์กร และต้องไม่เป็นคนหยุมหยิมเหมือนเป็นเสมียนชั้นสูง ที่คอยจับผิดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่มุ่งสนใจไปที่งานหรือผลงานที่มีความสำคัญมากกว่า
                 นอกจากนี้ ถ้าผู้บริหารจะเป็นผู้บริหารที่ดีได้ ต้องเป็นผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำ เมื่อผู้บริหารมีภาวะผู้นำแล้ว ก็จะกลายเป็นผู้นำที่ดีของทีมและขององค์กร เพราะฉะนั้นความหมายของคำว่า ผู้นำโดยสรุปก็คือ ผู้ที่มีทักษะในการจูงใจขับเคลื่อนผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำในสิงที่ถูกต้อง ชอบธรรมได้ด้วยความเต็มใจ
                     ปัจจุบันในวงการธุรกิจได้มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นที่ผู้นำจะต้องมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง คือสามารถนำพาองค์กรก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนิน ธุรกิจไม่ว่าภายในหรือภายนอก โดยการที่เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ในการกำหนดกลยุทธ์ วิสัยทัศน์ พันธกิจขององค์กร และยังต้องเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นที่ต้องการที่จะแสวงหาความรู้อย่าง ไม่หยุดนิ่ง ส่งเสริม จูงใจ พัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันเสมอ
สรุปจากการฟังบรรยายโดย ผศ.พัชนี นนทศักดิ์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ข้อมูลจาก http://www.gotoknow.org/blog/trainingbased/197666 

เรื่องน่าอ่านเกี่ยวกับผู้นำ


          รูปแบบพฤติกรรมผู้นำที่ใช้การบริหารระบบ 4 ระบบ (4 System management)

            ไลเคอร์ท (Likert) ผู้ริเริ่มศึกษาแบบของความเป็นผู้นำ เข้าได้สร้างระบบ 4 ระบบ เพื่อการจำแนก
ผู้นำหลังจากได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องความเป็นผู้นำกับองค์การต่างๆ แล้วเขาพบว่าจะมีแบบความ
เป็นผู้นำสี่แบบที่อาจจะแสดงไว้บนแนวต่อเนื่อง ตั้งแต่ระบบที่ 1 ไปจนถึงระบบที่ 4 หรือจากระบบ
เผด็จการไปจนถึงระบบการเข้าไปมีส่วนร่วมดังต่อไปนี้
               ระบบที่ 1 เรียกว่าระบบ เผด็จการ (explotive authoritative) ผู้บริหารมีความเชื่อมั่น
ผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยมาก โดยเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใน
กระบวนการตัดสินใจผู้นำตัดสินใจเพียงคนเดียว และสั่งการมาตามสายงานการบังคับบัญชาให้
ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการตามที่ตนได้ตัดสินใจไปและผู้กำหนดมาตรฐานและวิธีการปฏิบัติไว้
ตายตัว ผู้นำจะใช้การข่มขู่เมื่อมีความจำเป็นและใช้วิธีการลงโทษเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานไว้
ตายตัว ผู้นำจะใช้การข่มขู่เมื่อมีความจำเป็นและใช้วิธีการลงโทษเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานไม่
สำเร็จตามเป้าหมาย ผู้นำมีความไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยมาก ในทางกลับกันผู้ใต้บังคับบัญชา
มีความรู้สึกกลัวผู้บังคับบัญชา
                 ระบบที่ 2 เรียกว่า ระบบเผด็จการอย่างมีศิลป์ (benevolent authoritative) หรือระบบ
บูรณาธิปไตย ระบบนี้ผู้นำยังคงสั่งการอยู่แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถวิจารณ์คำสั่งได้บ้าง ผู้นำจะ
ยอมรับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีการตัดสินใจ
บางอย่างของผู้ใต้บังคับบัญชา การตัดสินใจดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในกรอบที่ระบุไว้ ผลตอบแทน
และการลงโทษบางอย่างจะถูกใช้ในการจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา โดยทั่วไปผู้นำ ยอมรับ
ผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาเกี่ยวพันกับผู้นำอย่างระมัดระวังและยังคงความรู้สึกเกรง
กลัวผู้นำอยู่
                  ระบบที่ 3 เรียกว่า ระบบปรึกษาหารือ (consultative) เป็นระบบที่ผู้นำมีความเชื่อมั่น
และไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้น ผู้นำกำหนดเป้าหมายและสั่งการภายหลังจากปรึกษาหารือกับ
ผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว ถึงแม้ว่าการตัดสินใจที่สำคัญจะกระทำโดยผู้บังคับบัญชาระดับสูง แต่
ผู้ใต้บังคับบัญชาก็สามารถจะตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะปฏิบัติงานต่อไป อย่างไร การสื่อสารแบบ
สองทางจะเห็นได้ชัดเจน มีความไว้วางใจและเชื่อมั่นบางอย่างระหว่างผู้นำกับผู้ใต้บัญชา
ผลตอบแทนถูกนำมาใช้จูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชามีความรู้สึกเป็นอิสระเมื่อปรึกษา
งานกับผู้นำ
                   ระบบที่ 4 เรียกว่าระบบให้เข้ามามีส่วนร่วม (participative group) เป็นแบบการบริหาร
ที่ ไลเคอร์ท (Likert) ให้การสนับสนุนมากที่สุด การกำหนดเป้าหมายและการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องกับงานจะกระทำโดยกลุ่มผู้นำให้ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าง
เต็มที่ มีการใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ ทั้งจากบนลงล่าง (downward communication) มีจากล่างขึ้น
บน (upward communication) รวมทั้งการติดต่อสื่อสารตามแนวนอน (horizontal communication)
ระหว่างเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วย ในการจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชามีความรู้สึกว่ามี
ความสำคัญพวกเขามีความสำคัญความเกี่ยวพันระหว่างผู้นำกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไปอย่าง
ตรงไปตรงมาภายในบรรยากาศของความเป็นมิตรภาพ  (อ่านต้นฉบับคลิกที่นี่)
                    ผู้นำดี   ผู้ตามดี  ย่อมดีแน่           ผู้นำดี   ผู้ตามแย่   ต้องแก้ไข
                   ผู้นำดี   ผู้ตามดี  มีถมไป              ผู้นำแย่   ไม่เอาไหน  บรรลัยเลย

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โรงเรียนมาตรฐานสากล ผจญ TOK ถ้าครูรู้ไม่จริง สิ่งที่ได้ คือ TOK-TAK หรืออาจก้าวพ้นจนเป็น SOK-SAK

             เท่าที่คุณครูของพวกเรา ได้รับภาระกิจเรื่องการต้อนรับนักเรียนในวันแรกของการก้าวย่างสู่รั้วกรมท่าขาว   ครูน่าจะได้รับคำชี้แจงเป็นประเด็นที่นำไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนเป็นขั้น ๆ  โดยฝ่ายวิชาการที่รับผิดชอบเรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่เมื่อนักเรียนเลิกแถวแยกย้ายกันเข้า ห้องเรียนที่กำหนดเพื่อพบกับครูที่ปรึกษาแล้ว
    ขั้นตอนที่ 1. ครูเริ่มให้นักเรียนเขียนแผนการหรือลำดับกิจกรรมที่นักเรียนต้องทำใน 1 ภาคเรียน
                     ตรงจุดนี้ มีปัญหา
                      - โรงเรียนไม่เตรียมเอกสารที่เป็นตาราง/หรือกระดาษสำหรับให้นักเรียนเขียนเอาไว้
                      -  ปฏิทินโรงเรียน  นักเรียนไม่รู้ว่า เริ่มต้นเขียนวันใด และไปสิ้นสุดวันใด ต้องอาศัย
                          ปฏิทินโรงเรียนเป็นแนวทางการกำหนดกิจกรรม  แต่โรงเรียนไม่ได้เตรียมเอกสาร
                          ปฏิทินดังกล่าวเอาไว้ให้นักเรียนเลย ทุกชั้นทุกห้องเรียน 
   ครูที่ปรึกษาและนักเรียนแก้ไขปัญหากันวุ่นวาย โดย
                      - นักเรียนเก็บเงินกันไปถ่ายเอกสารของเอกชนที่มาบริการในโรงเรียน คนละ 3 แผ่น
  ประกอบด้วย ปฏิทินโรงเรียน/ตารางที่ 1/ตารางที่ 2 แล้วมาเริ่มดำเนินการ แต่ตารางแผ่นเดียวไม่สามารถเขียนได้ทั้งภาคเรียนเกิดปัญหากันต่อไป ครูที่ปรึกษาต้องวิ่งหากระดาษที่ใช้แล้วที่พอใช้ได้
มาให้นักเรียน ท่ามกลางความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
                      ผลการดำเนินกิจกรรมในช่วงเช้า  จึงเกิดความสับสนวุ่นวาย/ในแนวปฏิบัติกันไปทุกห้อง
เรียน
         ขั้นตอนที่ 2  เริ่มในช่วงบ่าย 12.30 ใน. เป็นการแนะนำหรือให้ความรู้เกี่ยวกับ TOK
ให้นักเรียนได้รับทราบว่า TOK คืออะไร ทำไมจึงต้องมี TOK ตรงจุดนี้เอกสารอยู่ที่ครูที่ปรึกษาชุดเดียว
ครูแต่ละคนก็คงจะแนะนำกันไปตามที่ตนเองพอจะรู้  ใครไม่รู้ก็ไปเยี่ยมห้องข้างเคียงปรึกษาหารือกัน
แล้วกลับไปแนะนำนักเรียนต่อ  จุดนี้ค่อยข้างสำคัญยิ่ง ครูควรได้รับความรู้นี้ก่อน ไม่เช่นนั้น TOK จะกลายเป็น TAK ไป
                    พอมาถึงตอนยกตัวอย่างการกำหนดหัวข้อ เพื่อให้นักเรียนเลือกหรือใช้เป็นแนวทางในการกำหนดหัวข้อที่ตนเองต้องรับผิดชอบ  เอกสารก็มีอยู่ที่ครูชุดเดียวอีกนั่นแหละครูก็อาจจะอ่านให้นักเรียนฟัง เพื่อเป็นแนวทาง  ผู้เขียนใช้วิธีพิมพ์และฉายสู่จอให้นักเรียนได้อ่านพร้อมกัน
                    ขั้นต่อไปก็คือการกระจายให้นักเรียนได้กำหนดหัวข้อและรับผิดชอบให้ครอบคลุมทั้ง
8 สาระ เมื่อกระจายครบทั้ง 8 กลุ่มสาระแล้ว  นักเรียนก็ลงทะเบียนโดยการเขียนชื่อ-สกุล  หัวข้อที่
แต่ละคนรับผิดชอบ  แล้วนักเรียนก็เซ็นต์ชื่อ  และครูที่ปรึกษาลงชื่อในฐานะครูผู้สอน  และครูผู้สอน
เก็บรวบรวมเรียงเลขที่นำส่งฝ่ายวิชาการ
                    ในหนึ่งวันที่ผ่านมานี้ มีข้อคิดที่ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างมากที่สุด ก็คือ
1. ครูต้องมีความรู้เรื่องโรงเรียนมาตรฐานสากล
2. ครูต้องมีความรู้จ่ริงเกี่ยวกับ TOK
3. ฝ่ายที่รับผิดชอบ ต้องมีความรู้และชี้แจงให้ครูที่ปรึกษาทุกคนรับทราบอย่างชัดเจน
4. ฝ่ายที่รับผิดชอบ ต้องกำหนดขั้นตอนในการปฏิบัติเป็นข้อ ๆ เริ่มต้นทำอะไร ขั้นต่อไปทำอะไร
    จนเสร็จสิ้น จนครูที่ปรึกษารู้และเข้าใจในขั้นตอนทุก ๆ ขั้นตอนเป็นอย่างดีแล้ว
5. ฝ่ายที่รับผิดชอบ ต้องเตรียมเอกสาร ตาราง และกระดาษเปล่า เตรียมเอาไว้ให้นักเรียนเป็นรายบุคคล
    จะไม่ต้องไปรอเข้าคิวถ่ายเอกสารกันวุ่นวาย  เพราะการใช้จ่ายค่ากระดาษและเอกสารเหล่านี้ลงถึงตัว
    นักเรียนถือว่าเป็นการใช้จ่ายที่ถูกต้อง คุ้มค่า เพราะนักเรียนเป็นสำคัญตามที่เรากล่าวกันจนติดปาก
    มาจนทุกวันนี้
            การเขียนเรื่องนี้ ก็เพื่อจะได้ร่วมด้วยช่วยกัน ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเราทุก ๆ คนอันเป็นชาวกรมท่าขาว ไม่ใช่เกียรติ์ศักดิ์ศรีของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะ
พวกเราคือชาวกรมท่าขาว ควรที่จะมีสิทธิ์ในการคิด การเสนอแนะ เพื่อก่อให้เกิดสิ่งที่ดีงามแก่กรมท่าขาว
ของพวกเราทุกคนตามลำดับต่อไป

คู่มือ การพัฒนาหลักสูตรและการสอนโรงเรียนมาตรฐานสากล คลิกที่นี่  
คู่มือ การเขียนความเรียงขั้นสูง สำหรับครูผู้สอน/ครูที่ปรึกษา/นักเรียน คลิกที่นี่

     กิจกรรมวันที่ 11  พฤษภาคม  2554 
- เข้าแถวทำพิธีกรรมหน้าเสาธง ทุกระดับชั้น
- แยกกันเข้าห้องตามที่กำหนด
- ม.4/3 เข้าห้อง 322  (ครูนำnotebookและเครื่องโปรเจคเตอร์ พร้อมเครื่องเสียงมาติดตั้ง  5  นาที)
- ครูที่ปรึกษาบรรยายประกอบใบความรู้ จากไฟล์ pdf เรื่องคู่มือการเขียนความเรียงขั้นสูง ประมาณ
  40 นาที เพื่อปูทางและทบทวนความรู้ ขั้นตอนในการเขียนความเรียง
- ครูที่ปรึกษาไปขอความอนุเคราะห์กระดาษหน้าเดียวจากกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ (โรงเรียนไม่ได้
  เตรียมเอาไว้ให้อีกแล้วครับ)
- ครแจกกระดาษหน้าเดียวให้นักเรียนคนละ 1 แผ่น
- นักเรียนทดลองเขียนความเรียง ตามหัวข้อเรื่องที่แต่ละคนได้ลงทะเบียนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้
- นักเรียนเขียนเสร็จ โดยเน้นให้มี 3 ส่วน คือบทนำ  เนื้อเรื่อง และบทสรุป  เสร็จแล้วนำส่ง ผอ.ห้องเรียน
- ผอ.ห้องเรียนรวบรวม เรียงลำดับเลขที่ นำส่งครูที่ปรึกษา ตรวจสอบ และนำส่งฝ่ายวิชาการ
- ครูให้นักเรียนพักเที่ยง  นัดหมายอีกครั้ง 12.30 น. เพื่อดำเนินการกิจกรรมในภาคบ่ายต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

นักเรียนทุกคน ช่วยตอบแบบสอบถามนี้ด้วยค่ะ

ดูทีวีครูเรียนรู้วิทยายุทธ

Subscribe Now: Feed Icon