Krukaroon

!!!การุณย์ สุวรรณรักษา สังคมศึกษาฯ วรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา!!

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สพฐ. หนุนครูใช้ประโยชน์จาก Social Media

สพฐ. หนุนครูใช้ประโยชน์จาก Social Media เป็นช่องทางจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบหวังขยายผลไปสู่ครูทั่วประเทศ
      
       นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินโครงการนำร่องพัฒนาศักยภาพบุคลากรและส่งเสริมการใช้ Social Media โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการเรียนรู้ จัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจ พร้อมกับฝึกปฏิบัติในการใช้เครื่องมือที่มีในสื่อสังคมออนไลน์ให้แก่ครูทั่ว ประเทศที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 200 คน ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการพัฒนาครูพบว่า ครูสามารถสร้างผลงานที่เกิดจากการใช้เครื่องมือออนไลน์ขยายเป็นเครือข่ายใน Social Media และนำไปประยุกต์ใช้จัดการเรียนรู้ในห้องเรียนได้อย่างหลากหลายวิธี ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างครู, ครูกับนักเรียน และนักเรียนกับนักเรียน สามารถตอบโจทย์ครูที่ต้องการแก้ปัญหาในชั้นเรียนด้านต่างๆ เช่น การไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนในชั้นเรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน แก้ปัญหาด้านอื่นๆ ของนักเรียน เป็นต้น


           ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
       อย่างไรก็ตาม สพฐ.ให้ความสำคัญและตระหนักดีว่ายังมีบุคลากรครูอีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังขาดความรู้ ความชำนาญในการใช้เครื่องมือออนไลน์ จึงได้นำครูที่มีความสามารถด้านไอทีเข้าร่วมปฏิบัติการนำ Social Media เข้าสู่กระบวนการจัดการเรียนรู้ การเลือกใช้ Tools Online เพื่อการศึกษา การสร้างบล็อกด้วยโปรแกรม Wordpress และการเข้าสู่ Social Network ด้วยการใช้ Facebook และ Twitter โดยทีมผู้เชี่ยวชาญในโครงการ“ก้าวใหม่ของครูไทย ก้าวไกลด้วย Social Media” เพื่อให้บุคลากรครูสามารถก้าวทันยุคเทคโนโลยีใหม่ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ ขยายผลไปสู่ครูทั่วประเทศ
      
       “เมื่อครูมีความรู้ความสามารถในการ เข้าถึงเทคโนโลยี และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการใช้ Social Media ก็จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้ ที่จะทำให้บุคลากรครูยุคใหม่สามารถนำพาผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้อย่างไม่ จำกัด” รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

งดเด็กทำบัตรประจำตัวประชาชนสิ้นเปลืองงบประมาณ

รายละเอียดของข่าว

ชะลอแจกแท็บเล็ตม.4 และปวช.



เผยครม.อยากเปลี่ยนไปแจกคอมฯโน๊ตบุ๊คให้สามารถรองรับการเรียนรู้ที่สูงขึ้นได้ ด้านสพฐ.เตรียมขอแปลงงบฯซื้อแท็บเล็ตไปใช้ซื้อรถรับส่งนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กแทน วันนี้(1พ.ค.) ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงโครงการแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนม.4 และนักศึกษาปวช.ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติให้ชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากเห็นว่าประสิทธิภาพของเครื่องแท็บเล็ตอาจจะทำงานได้แค่ระดับหนึ่ง แต่นักเรียนในระดับ ม.ปลายจะต้องมีการทำงานที่เป็นชิ้นงาน มีการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น ที่ประชุมจึงเห็นว่าเครื่องมือของนักเรียนในระดับ ม.ปลายควรจะต้องมีสมรรถนะสูงกว่าแท็บเล็ตของเด็กประถม และต้องสามารถทำงานเอกสาร งานพิมพ์ งานฐานข้อมูล และงานออกแบบต่างๆ ได้ ซึ่งที่ประชุมได้มีการพูดกันว่าอาจจะต้องเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแทน เพราะสามารถทำงานต่างๆ เหล่านั้นได้ " ในส่วนของ สพฐ. ได้ตั้งงบฯจัดซื้อแท็บเล็ตสำหรับเด็ก ม.4 ไว้ 2,700 ล้านบาท แต่เมื่อ ครม. มีมติให้ชะลอออกไปก่อนก็จะเสนอขอปรับงบฯ ในส่วนนี้ไปใช้ในรายการอื่นแทน โดยหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องการเตรียมการเพื่อรองรับการปฏิรูปหลักสูตร เพราะต้องมีการขับเคลื่อนทั้งในแง่ของการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาสื่อการสอน นอกจากนี้จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ในส่วนของการจัดซื้อรถตู้เพื่อเป็นพาหนะสำหรับรับส่งนักเรียน อีกทั้งจะนำไปใช้ในการก่อสร้างซ่อมแซม และครุภัณฑ์ด้วย" ดร.ชินภัทร กล่าว ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า ในส่วนของ สอศ. ได้ตั้งงบฯ จัดซื้อแท็บเล็ตสำหรับเด็ก ปวช. ปี 1 จำนวน 1,200 ล้านบาท ซึ่ง สอศ.ก็จะเสนอขอปรับงบฯ ในส่วนนี้ไปใช้ในการดำเนินโครงการทวิภาคี และการจัดตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาประจำอำเภอแทน ด้านนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า สำหรับ สช.ได้เสนอของบฯ จัดซื้อแท็บเล็ตประมาณ 400 ล้านบาท หลังจากนี้ สช.จะทำเรื่องเสนอขอปรับงบฯ ดังกล่าวเพื่อนำไปจ่ายเงินเดือนครูเอกชนให้ได้รับ 15,000 บาทตามนโยบายของรัฐบาลที่ขณะนี้ยังจ่ายได้ไม่ครบ โดยล่าสุดเพิ่งได้รับอนุมัติงบประมาณจากสำนักงบฯมาเพียง 200 ล้านบาทเท่านั้นจากที่ขอไป 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สช.ได้ยื่นเรื่องเสนอครม.เพื่อขออนุมัติงบประมาณในส่วนนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่มีการพิจารณา ขอขอบคุณข่าวสาร/

ข้อมูลดีๆ จากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ขอใช้พื้นที่ฟรีบนเว็บ

         บริการพื้นที่ฟรีบนเว็บมีหลายเจ้า ให้พื้นที่มากน้อยแตกต่างกันออกไป เช่น
Dropbox, Googledrive,SkyDrive,magacloudฯ  ลองขอใช้บริการเหล่านี้ดูนะครับ เราจะได้พื้นที่บนเว็บไว้เก็บไฟล์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หรือไฟล์อื่น ๆ สำหรับ magacloud ตัวนี้ให้พื้นที่เราถึง 16 GB
ในขณะที่ SkyDrive ให้  7  GB   Dropbox  2  GB  และ GoogleDrive  ให้บริการ 5  GB
ให้ลองตัวนี้ก่อนนะครับ Magacloud คลิกเลย



     ข้อมูลจาก http://www.it-computertips.com/

เปรียบเทียบคุณสมบัติ Microsoft SkyDrive, Google Drive และ Dropbox
เขียนโดย @k    วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2012 เวลา 13:51 น.   
1
อีเมล
เมื่อวันก่อนผมเขียนบทความ ให้อัพเกรด Skydrive ไป วันนี้เลยขอเอาบทความเปรียบเทียบคุณสมบัติของ 3 ผู้ให้บริการหลัก ๆ ของการเก็บเอกสารบนอินเตอร์เน็ตในรูปแบบ Cloud Storage เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเลือกใช้บริการเก็บเอกสารกัน
โดย 3 ผู้ให้บริการได้แก่ Microsoft SkyDrive, Google Drive และ Dropbox ซึ่งเราจะเปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก ๆ ดังนี้
ขนาดพื้นที่ (Storage) ที่ให้สำหรับ Free Users
  • SkyDrive = 7 GB สำหรับผู้สมัครใหม่ (สำหรับผู้ที่ใช้งานอยู่แล้วสามารถอัพเกรดเป็น 25 GB)
  • Google Drive = 5 GB
  • Dropbox = 2 GB (สามารถเพิ่มได้ 500 MB ต่อการชวน(invite) คนอื่นมาใช้งาน สูงสุด 16 GB)
จะเห็นว่า Microsoft SkyDrive จะให้เนื้อที่มากที่สุด
เปรียบเทียบราคา
  • SkyDrive
    20 GB = $10.00/ปี
    50 GB = $25.00/ปี
    100 GB = $50.00/ปี
  • Google Drive
    25 GB = $2.49/เดือน
    100 GB = $4.99/เดือน
  • Dropbox
    50 GB = $9.99/เดือน หรือ $99.00/ปี
    100 GB = $19.99/เดือน หรือ $199.00/ปี
เรื่องราคานี้ถ้าเปรียบเทียบเป็นปีแล้ว Microsoft SkyDrive มีราคาที่ถูกกว่า
Platform ที่รองรับ
  • SkyDrive – Windows, Mac, iPhone, iPad, Windows Phone – no Linux or Windows XP support.
  • Google Drive – Windows, Mac, Android phones and tablets –  iPad/iPhone are comming soon
  • Dropbox – Windows (including Windows XP), Mac, Linux, iOS, BlackBerry, Android
จะห็นว่า Dropbox รองรับมากที่สุด แทบจะทุก Platform เลยทีเดียว

ขนาดไฟล์สูงสุดที่สามารถอัพโหลดได้
  • SkyDrive ได้สูงสุด 2 GB
  • Google Drive ได้สูงสุด 2 GB
  • Dropbox อัพโหลดได้ทุกขนาดเมื่อทำการอัพโหลดผ่านทาง Desktop Client (drag and drop)
หมายเหตุ: ในการอัพโหลดผ่านทาง Web browser นั้น SkyDrive และ Dropbox สามารถอัพโหลดได้สูงสุด 300 MB ในขณะที่ Google Drive ได้ 1 GB
การกู้คืนเมื่อลบไฟล์ (Recovery) และเวอร์ชั่นของไฟล์ (Versionning)
  • SkyDrive ประวัติถูกเก็บ แต่ไม่ระบุว่ากี่วัน หรือกี่เวอร์ชั่น และเมื่อลบไฟล์ Online ไม่สามารถกู้คืนได้
  • Google Drive ประวัติถูกเก็บ แต่ไม่ระบุว่ากี่วัน หรือกี่เวอร์ชั่น แต่สามารถกู้คืนได้ไฟล์ได้จาก Trash
  • Dropbox เก็บประวัติให้ 30 วันเมื่อมีการลบหรือแก้ไข กู้ข้อมูลได้แบบง่าย ๆ จาก Trash
นี่เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของคนที่เก็บเอกสารสำคัญ เป็นเหตุผลว่าทำไม Dropbox ถึงราคาแพงกว่าผู้ให้บริการอื่น ๆ รวมถึงประเด็นของความยืดหยุ่นอื่น ๆ อีก
จากข้อมูลเบื้องต้นนี้หวังว่าทำให้เราเลือกใช้ได้เหมาะสมตามที่เราต้อง การไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนตัวผมเองใช้บริการการเก็บเอกสารทาง Cloud Storage และมีประโยชน์ในการทำงานมาก เพราะแทบจะไม่ต้องถือเอกสารไปไหนมาไหน หรือไม่ต้องมาเสียเวลาค้นหาเอกสารอีกแล้ว ไปไหนมาไหนแค่ iPhone หรือ Laptop ก็สามารถทำงานได้แล้วครับ
Reference: ESX Virtualization

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

การใช้ google drive ,Dropbox,Skydrive ในการจัดเก็บข้อมูล

วันนี้นั่งประชุมครู เลยคิดถึงครู อยากแนะนำให้คุณครู ได้รู้จักกับแหล่งหรือ Drive ที่คุณครูสามารถนำข้อมูล ไปใส่เอาไว้ได้ทั้งภาพ ข้อความ VDO ตลอดถึงภาพถ่าย ที่สำคัญก็คือ ข้อมูลเหล่านั้นจะอยู่บนอินเตอร์ ไม่ได้อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์นะครับ. ดังนั้นคุณครูสามารถนำข้อมูลไปใช้กับเครื่อง tablet. หรือ Ipad  ได้เลยครับ
      วิธีการก็คือให้ติดตั้ง google drive หรือDropbox  หรือ Skydrive  ลงในเครื่อง notebook  หรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ PC    ครูสามารถสืบค้น google drive หรือ Dropbox หรือ Skydrive จาก google ครับ ลองทำกันดูนะครับ
              

การโอนข้อมูลจาก notebook ไปยัง tablet หรือ ipad ด้วย wifi

    ในตอนที่แล้วได้แนะนำอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อ tablet หรือ ipad เข้ากับเครื่องโปรเจคเตอร์ เอาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปคือการสร้างสื่อการสอนเพื่อนำไปใช้สอนนักเรียนในชั้นเรียน  การสร้างสื่อการสอนโดยใช้ tablet หรือเครื่อง ipad สร้าง แม้จะสามารถทำได้ เพราะมี app ที่สนับสนุนให้เราได้ใช้ฟรีอยู่บ้างก็ตาม แต่ปัญหาอยู่พิมพ์ไม่สะดวกเอาเสียเลย. ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด
คือ เราสร้างสื่อการสอนด้วย powerpoint ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ notebook ก่อนครับ
     ขั้นต่อไปเราต้องติดตั้ง app transfer มีหลายตัว เช่น Itransfer หรือ air transfer  หรือ transfer ตัวอื่นก็ได้
มีทั้งฟรีและเสียเงิน พวกเราเอาตัวที่ติดตั้งฟรีก็แล้วกัน
     ขั้นตอนการทำงาน
        - เมื่อเราติดตั้ง air transfer. เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เปิดขึ้นมาครับ หน้าตาก็คล้าย ๆกันครับ ตัวนี้คือ air transfer

-เมื่อเราคลิกที่ปุ่มwifi. จะปรากฎ ชุดตัวเลขขึ้นมาบนหน้าจอ tablet หรือ หน้าจอ ipad
  ในที่นี่คือเลข 192.168.1.3:8080

-เปิดเครื่อง notebook ขึ้นมา อย่าลืมเปิดปุ่ม wifi ที่เครื่อง notebook. ด้วยนะครับ
-เข้า browser ตัวไหนก็ได้ จะเป็นf Firefox หรือ Internet explorer หรือตัวอื่นก็ได้
-ตรงช่อง address (ช่องที่อยู่ของเว็บหรืช่องurl) ให้พิมพ์ชุดตัวเลขที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ tablet หรือ ipad
-พิมพ์เสร็จให้กดปุ่ม enter 

-เปิด my computer
-เลือกไฟล์ที่ต้องการจะโอนไปที่ Tablet หรือ Ipad
-คลิกตรงไฟล์ที่ต้องการ กด mouse ค้างไว้ลากมาปล่อยด้านล่างของ
 Drop text Here   กรณีเป็นไฟล์ข้อความ
 Drop Web Addresst Here  กรณีเป็นที่อยู่เว็บไซต์
 Drop File Here  กรณีเป็นไฟล์ทั่ว ๆ ไป
-หลังจากนั้นให้ไปดูที่ Tablet หรือ Ipad
-ดูที่ Category เลือก All ครับ ก็จะมองเห็นไฟล์ที่เราโอนมาจาก Notebook มาปรากฎใน Tablet หรือใน Ipad แล้วครับ
สำหรับ app transfer ตัวอื่น ๆ ก็อาจจะแตกต่างไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เปิด Notebook ขึ้นมา
-คลิกปุ่ม  select file
-เลือกไฟล์  PowerPoint  ที่เราสร้างเอาไว้ใน notebook
-คลิก open
-คลิก upload
-จะปรากฎแถบสีวิ่งรอจนสิ้นสุด
-ตอนนี้ไฟล์ไปอยู่ใน tablet. หรือ ipad. ของเราแล้วครับ
-ถามว่าไปอยู่ตรงไหนของ tablet. หรือ. Ipad
ตรงนี้อยากให้เราติดตั้ง app google drive หรือ Dropbox เอาไา้เป็นการล่วงหน้าขั้นแรกเลยครับ
เพราะไฟล์ที่เราโอนไปจาก. Notebook. จะไปอยู่ใน google drive. หรือใน Dropbox ครับ
-ในเครื่อง tablet ถ้าเราไม่ได้ติดตั้ง app google drive. หรือ Dropbox. มาก่อน ไฟล์ข้อมูลจะถูกเก็บเอาไว้ใน
  File maneger   ครับ
  แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไปนะครับ

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

Tablet อยู่ไหนให้นำไปใช้สอนกันได้แล้วจ้า...

           สอนอย่างไร อยากจะเล่าให้เพื่อนพ้องพี่น้องครูได้รับฟังนะครับ คือในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆออกกันมามากมาย เราสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ เอาเป็นเราว่าเคยสร้างสื่อการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม Powerpoint, E-book เริ่มจาก FlipPubliser,flip Album,Desktop Author,E-learning Moodle,Lecture Maker ฯ ต่อมาก็ใช้ Blogger ในการสร้างสื่อการสอน ทำเอาไว้หลายblog แต่ว่าถามว่าแต่ละBlog ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ก็ตอบว่ายังไม่สมบูรณ์ครับ แต่กะว่าจะพัฒนาให้สมบูรณ์ต่อไปเรื่อย ๆ อีกทั้งได้เข้าเป็นสมาชิกของ http://www.exam.in.th ในการสร้างข้อสอบออนไลน์ ไว้ให้นักเรียนเข้าทำแบบทดสอบผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งยังใช้อยู่ในขณะนี้ แต่ในที่สุด...ก็ทนการยั่วยุจาก เจ้าtablet หรือ ipad ไม่ไหวอดใจไว้ไม่ได้ ตัดสินใจซื้อ ipad มาใช้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป้าหมายสำคัญคือ จะต้องนำipad เข้าไปใช้ในห้องสอน และเชื่อมต่อโปรเจคเตอร์เหมือนการใช้ Notebook และแล้วก็สามารถใช้ได้ จนเกิดความสนุกต่อการใช้เจ้า ipad สำหรับการเรียนการสอนเสียแล้วครับ และอยากให้เพื่อนครูได้นำ Tablet ไปใช้ในการเรียนการสอนกันอย่างจริงจัง  อย่าเก็บไว้เฉย ๆ หยิบมาไว้ที่กลุ่มสาระครูท่านใด อยากนำไปใช้ในห้องสอน ก็หยิบฉวยเอาใช้ได้โดยสะดวก  จะเกิดความคุ้มค่าคุ้มทุน บุญกุศลจะบังเกิดแก่ศิษย์ของเราได้มากยิ่งขี้นครับ  





  สำหรับการนำโปรแกรมอะไรมาใช้ หรือใช้ app ตัวไหนบ้าง ที่แนะนำวันนี้เฉพาะ app ฟรีไม่ต้องจ่ายตังค์นะครับ
   1. app Olive  Office  ใช้กับสื่อการสอน Powerpoint,wordและExcell
       ใช้ได้ดีมากครับ ที่สำคัญฟรีด้วยนะ

2. app CloudOn ใช้ในการสร้างสื่อ Powerpoint,wordและ Excell
    ตัวนี้ก็ใช้ดีมากครับ

3. Bamboo Paper  ใช้ในการขีดเขียนสอนสด แทรกรูปภาพได้ ใช้ปากกาเขียน หรือใช้นิ้วมือขีดเขียน
    ได้ตามความต้องการ หน้าเพิ่มได้เรื่อย ๆ น่าใช้ดีมาก ที่สำคัญใช้ฟรีครับ

       ขอให้กำลังใจคุณครู โดยเฉพาะที่มี ipad หรือ Tablet อยู่แล้ว จะได้ใช้จัดการเรียนการสอนได้ด้วยจะตัวเล็ก ๆนี้   ยังมี app อื่น ๆ อีกมาก จะมาแนะนำในครั้งต่อไปครับผม สำหรับคุณครูที่ได้รับแจก  เจ้า
tablet ไปแล้วก็คงถึงเวลาในการติดตั้ง app ต่าง ๆ ซึ่งให้บริการฟรีและสนับสนุนเกี่ยวกับการจัดทำสื่อ
การสอนอยู่มากมายในอินเตอร์เน็ต   และคงถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะได้นำเจ้าTablet ไปใช้เพื่อการเรียนการสอนกันในห้องเรียนจริง ๆกันเสียที  ผลประโยชน์จะได้ตกกับนักเรียนอันจะส่งผลในการยกระดับ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในโอกาสต่อไป


   สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครื่อง Tablet galexy Tab 10.1
ที่คุณครูได้รับแจกจากโรงเรียน สามารถหยิบเข้าห้องสอนได้ ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์  2  ชิ้นนี้ครับ
Samsung Galexy Tab 10.1


                                                       อุปกรณ์  HDTV 30 pin

   อุปกรณ์ชิ้นนี้ด้านหนึ่งเสียบเข้ากับตัวเครื่อง Tablet  อีกด้านหนึ่งเสียบเข้ากับอุปกรณ์ชิ้นที่่ 2 ด้านล่างนี้ HDMI TO VGA

                                                        HDMI  TO  VGA
                                      อุปกรณ์ตัวนี้เชื่อมต่อกับตัวแรก และเสียบเข้ากับสายโปรเจคเตอร์
ก็สามารถนำภาพสู่จอโปรเจคเตอร์ได้แล้วครับ 



                     คุณครูท่านใดสนใจ ขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้จากครูรุณย์นะครับ
"ใช้ TABLET ให้คุ้มค่า มากกว่าใช้ถ่ายภาพ เล่นเกม หรือเล่น Facebookฯ ได้แล้วครับ อ้าว...คุณครู TABLET อยู่ไหนนำไปใช้ในห้องสอนกันได้แล้วขอรับทั่น"


 

นักเรียนทุกคน ช่วยตอบแบบสอบถามนี้ด้วยค่ะ

ดูทีวีครูเรียนรู้วิทยายุทธ

Subscribe Now: Feed Icon