Krukaroon

!!!การุณย์ สุวรรณรักษา สังคมศึกษาฯ วรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา!!

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

 

                      เกรดคือ  ปรอท   วัดค่า             ศึกษา   เก่งอ่อน   แค่ไหน
                      หนึ่งสอง  สามสี่  ดีใจ                ศูนย์รอ  แก้ไข  ปรับตน





วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554















                                           ครู
           ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร           แต่ต้องคิดวาดวางกางแผนผัง
        ครูมิใช่นายทุนหนุนกำลัง            ต้องเก็งทั้งขาดทุนตุนกำไร
        ครูมิใช่พ่อค้านายพาณิชย์            ดีดลูกคิดคาดการณ์ด้านไหนไหน
        แต่ยังเป็นผู้ค้าอย่างเต็มใจ            ยอมขาดทุนตลอดไปชั่วนิรันดร์
        ครูมิใช่นักปกครองช่ำชองศึก       แต่ก็คึกคะนองปกป้องขั้น
        ครูมิใช่นักวิชาการเชี่ยวชาญครัน  แต่โชกโชนด้วยผูกพันวิชาการ
        ครูมิใช่นักแสดงโลกแสงสี           แต่สวมบททุกที่ด้วยอาจหาญ
        ครูมิใช่ผู้กำกับผู้บงการ               แต่เฉียบขาดในแผนงานการบัญชา
        ครูมิใช่นักพากย์ฝีปากจัด           แต่สัมผัสการพากย์ยากจะหา
       ครูมิใช่ผู้ทรงศีลธรรมจรรยา       แต่เมตตาแผ่เผื่อเกื้อการุณย์
       นี่แหละครูเป็นได้หลายสถาน      ทุกเหตุการณ์ช่วยฉุดช่วยอุดหนุน
       ช่วยเผื่อแผ่แก้ไขช่วยค้ำจุน         ผู้มีคุณเปี่ยมแปรอย่างแท้จริง


http://www.mettadham.ca/teacher%27s%20poem1.htm

อ.กิตตินันท์ อีกท่านหนึ่งที่เกษียณแต่ไม่ได้ร่วมถ่ายภาพ





วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

อดีตที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราเหล่าวรนารีเฉลิม

                        อาจารย์อาภรณ์  สาครินทร์     อาจารย์รุจา  เลนุกูล
   ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2529 ขณะนั้นผู้เขียนเพิ่งได้รับคำสั่งย้ายจากโรงเรียนหารเทา
ต.หารเทา  อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง มาทำการสอนที่วรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา จำได้ว่าก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าสู่รั้วกรมท่าขาว ครูบ้านนอกบ้านนาคนหนึ่ง ที่เคยได้ทราบว่ายิ่งใหญ่ของวรนารีเฉลิม มาตั้งแต่คราวผู้เขียนเรียนอยู่ที่หาดใหญ่วิทยาลัย มีความชื่นชมและศรัทธาวรนารีเฉลิม เป็นอย่างมาก ที่จำขึ้นใจจริง ๆ ก็ตอนงานแข่งขันกรีฑานักเรียน จังหวัดสงขลา ประมาณปี 2514 ณ สนามกีฬาจิระนครหาดใหญ่
แค่ขบวนพาเหรดของวรนารีเฉลิม ซึ่งมีแต่ผู้หญิงล้วน ๆ เดินเข้าสู่สนามตามหลัง
หาดใหญ่วิทยาลัย  ผู้เขียนเป่าแซกโซโฟนของดุริยางค์หาดใหญ่วิทยาลัย ยอมรับว่า
แอบชื่นชอบต่อความสามารถของดุริยางค์สตรีวรนารีเฉลิม เป็นอย่างมาก
      ไม่เพียงเท่านั้นครับ นักกรีฑาหญิงวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา ก็กวาดเหรียญ
ไปเป็นจำนวนมาก ทำให้คิดคำนึงไปว่าโรงเรียนแห่งนี้ก็มีความยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่ามหาวชิราวุธ แสงทอง หรือแม้กระทั่งหาดใหญ่วิทยาลัยเลย
       บัดนี้เราได้ก้าวย่างสู่โรงเรียนแห่งนี้แล้ว บอกได้คำเดียวว่าตื่นเต้น มีความกังวลใจอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน กลัวความสามารถของครูบ้านนาบ้านนอกอย่างเรา
จะทำการสอนไม่ดี ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำเป็นการด่วนก็คือ เตรียมตัว เตรียมใจ
เตรียมสอนอย่างจริงจัง
        ตอนนั้นผู้เขียนมองดูอาจารย์วรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา อย่างชื่นชม ศรัทธา และมีความเกรงอกเกรงใจครูที่สอนอยู่ก่อนเก่าทุกท่านอย่างไม่มีข้อกังขาแต่อย่างใด อ่อนน้อมยอมรับคำชี้แนะอย่างเต็มอกเต็มใจ เรามองเขาอย่างศรัทธา
ในการวางตัววางตน การพูดจาระหว่างครูด้วยกัน และระหว่างครูกับนักเรียน
     โอ้โหนักเรียนมาพบอาจารย์ที่โต๊ะไม่ยืนค้ำโต๊ะให้เห็นเลยสักคนเดียว คุกเข่า
อยู่หน้าโต๊ะทั้งสิ้น อะไรจะเรียบร้อยผู้ดีเช่นนี้ เป็นความคิดในสมัยโน้นแหละครับ
      แต่ก็นั่นแหละนะที่นี่เป็นโรงเรียนสตรี หมายถึงนักเรียนเป็นนักเรียนผู้หญิงทั้งหมด สำหรับครูผู้ชายมีเพียงน้อยนิด เรียกว่าเป็นชนกลุ่มน้อยของที่นี่ก็่ว่าได้ ส่วนภายหลังไม่ทราบเป็นด้วยแนวความคิด ทฤษฎีของผู้ใหญ่ท่านใด ที่ให้ที่นี่เป็นสหศึกษา คือมีนักเรียนชายและหญิง ก็เป็นยุคสมัยที่เราอยู่ที่นี่พอดีนั่นแหละ เพียงแต่ว่า จำได้ไม่แม่นว่าเริ่มรวมหญิงชายกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ.ไหน น่าจะปี 2530 กว่า ๆ นี่แหละ ขั้นต้นก็รับนักเรียนชายเฉพาะ ม.ปลาย อีกสองสามปีถัดมา ก็รับในระดับชั้น ม.ต้นด้วย อันที่จริงปัญหาการปกครองชั้นเรียนก็เริ่มมีปัญหามาตั้งแต่บัดนั้นแหละ เพราะทีนี่ส่วนใหญ่ครูอาจารย์เป็นผู้หญิง การติดตาม ควบคุมดูแลนักเรียนผู้ชาย ย่อมยุ่งยากกว่านักเรียนผู้หญิงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็ยังโชคดีที่นักเรียนไม่ว่าชายหรือหญิงที่ก้าวเข้ามาเรียนที่นี่ ในสมัยสหศึกษาตอนต้น ๆ เป็นนักเรียนที่มีความประพฤติดี สมกับคำว่า จรรยางาม ความรู้ดี  มีวินัย ใฝ่คุณธรรม จริง ๆ ครับ
----เบรกก่อนนะขอรับ----ค่อยมาคุยต่อนะขอรับ
            ครูผู้ชาย อ.ประสงค์  ธรรมหิเวศน์  อ.วิโรจน์  แก้วบำเพ็ญ อ.แปลก อ่อนเจริญ
ครูผู้หญิง อ.อุษา อ.อาภรณ์ อ.ชุติมา อ.ประสานสุข อ.สุนันทา อ.ยุพา อ.วิสา อ.ประจวบจิต อ.ประพิง
อ.ธัญญภรณ์


ขอขอบคุณเว็บไซต์ http://bbznet.pukpik.com/ 

การกระจายอำนาจทางการศึกษา

     พอดีไปอ่านเจอเกี่ยวกับการกระจายอำนาจในสถานศึกษา เห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่ดี หากพวกเราน้อมนำมาริเริ่มใช้กันก็จะบังเกิดผลดีกับสถานศึกษาไม่น้อย แต่กระผมขออนุญาตน้อมนำเฉพาะข้อดีของการกระจายอำนาจทางการศึกษามาเท่านั้นนะ ครับผมส่วนตัวเต็มจริง ๆ ให้คลิกอ่านที่นี่ครับ





         อ่านแล้วได้ข้อคิดสะกิดใจประการใด แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นการกระจายอำนาจในสถานศึกษาได้นะขอรับ




  

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

หนึ่งแสนครูดี

ครูอาจารย์ท่านใด สนอกสนใจที่จะเป็นหนึ่ง ในหนึ่งแสนครูดีของคุรุสภา
ก็เชิญสมัครได้ที่ http://service.ksp.or.th/tip/index.php
       สำหรับวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา มีท่านใดบ้างที่มีความเหมาะสมลองทายกันดูดีไหมจ๊ะ

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความเป็นมาของวันแม่
     ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว 
ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย
     งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน
     ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
      สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ เป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ
  • ดอกมะลิ ดอกไม้สัญลักษณ์วันเเม่ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
  • การประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ และประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
  • จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ การแสดง การประกวดต่างๆ เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
  • การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล
  • นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่
  ข้อมูลจาก http://www.thaigoodview.com/node/6662

นักเรียนทุกคน ช่วยตอบแบบสอบถามนี้ด้วยค่ะ

ดูทีวีครูเรียนรู้วิทยายุทธ

Subscribe Now: Feed Icon